ธนาคารไทยพาณิชย์คว้ารางวัล ธนาคารยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทยจาก Euromoney
ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับรางวัล ธนาคารยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย ประจำปี 2556 (Best Bank 2013) จากนิตยสารชั้นนำทางด้านเศรษฐกิจการเงินแห่งประเทศอังกฤษEuromoney จากผลการดำเนินงานอันโดดเด่น การสร้างความเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และแข็งแกร่ง ทั้งทางด้านผลประกอบการ และควบคุมจัดการกับหนี้ด้อยคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่ธนาคารได้รับรางวัลดังกล่าวโดยมี นายดีแพก ซาหรับ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มการเงิน และโครงการปรับปรุงธนาคาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นตัวแทนธนาคารเข้ารับรางวัล เมื่อเร็วๆ นี้ที่ฮ่องกง
>>แหล่งที่มา<<
วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ศูนย์วิจัยฯแบงก์ใบโพธิ์ลดเป้า ศก.ไทยปีนี้ขยายตัวเหลือ 4%
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจตลอดทั้งปี จากร้อยละ 5.1 เหลือร้อยละ 4 และการส่งออกจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.7 โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว กระทบการส่งออกของไทย รวมถึงกรณีฟ้องร้องในโครงการลงทุนบริหารจัดการน้ำ
นางสุทธา อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯ เชื่อว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 จะไม่ติดลบ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์คงเพิ่มความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น หลังกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีอัตราการเพิ่มขึ้นเร็วจนน่าเป็นห่วง
ศูนย์วิจัยฯ ยังวิเคราะห์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 จากปัจจุบันร้อยละ 2.5 ในช่วงปลายปี พร้อมกับการดำเนินมาตรการกำกับสินเชื่อสถาบันการเงิน เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงการก่อหนี้ครัวเรือนจนเกินไป
ส่วนปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงเปิดสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีวาระพิจารณา ทั้งร่างกฎหมายนิรโทษกรรม งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 และร่างพระราชบัญญัติลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทนั้น แม้ไม่กระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ แต่หากเกิดความวุ่นวายขึ้น อาจทำให้เสียโอกาสทางเศรษฐกิจได้
>>แหล่งที่มา<<
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจตลอดทั้งปี จากร้อยละ 5.1 เหลือร้อยละ 4 และการส่งออกจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.7 โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว กระทบการส่งออกของไทย รวมถึงกรณีฟ้องร้องในโครงการลงทุนบริหารจัดการน้ำ
นางสุทธา อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯ เชื่อว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 จะไม่ติดลบ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์คงเพิ่มความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น หลังกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีอัตราการเพิ่มขึ้นเร็วจนน่าเป็นห่วง
ศูนย์วิจัยฯ ยังวิเคราะห์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 จากปัจจุบันร้อยละ 2.5 ในช่วงปลายปี พร้อมกับการดำเนินมาตรการกำกับสินเชื่อสถาบันการเงิน เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงการก่อหนี้ครัวเรือนจนเกินไป
ส่วนปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงเปิดสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีวาระพิจารณา ทั้งร่างกฎหมายนิรโทษกรรม งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 และร่างพระราชบัญญัติลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทนั้น แม้ไม่กระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ แต่หากเกิดความวุ่นวายขึ้น อาจทำให้เสียโอกาสทางเศรษฐกิจได้
>>แหล่งที่มา<<
วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ไทยพาณิชย์ ร่วมกับ SCB LIFE เปิดตัวเครื่องมือวางแผนมรดกแบบใหม่ คุ้มค่าทั้งผู้ให้และผู้รับ
ธนาคารไทยพาณิชย์ ผนึกกำลังกับ ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCBLIFE) ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ ส่งผลิตภัณฑ์น้องใหม่ “ประกันเลือกได้... มรดกตามใจ” ทางเลือกใหม่ในการวางแผนมรดกจับลูกค้ากลุ่มบน อาทิ นักธุรกิจ และผู้บริหาร พร้อมชู 5 จุดเด่นความคุ้มค่าโดนใจ อันได้แก่ ชำระเบี้ยประกันภัยน้อย แต่เป็นมรดกให้ทายาทเต็ม 100% เลือกระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยได้ 2 ระยะ ได้แก่ 5 ปี และ 10 ปี คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ลดหย่อนภาษีได้ และไม่ต้องตรวจสุขภาพคาดผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลภาพรวมตลาดประกันชีวิตครึ่งปีหลัง 2556 กลับมาคึกคัก
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายเงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรูปแบบใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้ากลุ่ม SCB FIRST และ Private Bank อาทิเช่น นักธุรกิจ ผู้บริหาร ที่ต้องการความคุ้มครองที่สูงกว่าประกันแบบออมทรัพย์ทั่วไปที่มีอยู่ในตลาด เพื่อเป็นการคุ้มครองธุรกิจและส่งต่อมรดกให้ลูกหลาน สำหรับ “ประกันเลือกได้... มรดกตามใจ” เป็นการสานต่อนวัตกรรมความสำเร็จและเติมเต็มประกันในกลุ่ม “ประกันเลือกได้” ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือก ระยะเวลาคุ้มครองและระยะเวลาการจ่ายเบี้ย ได้ตามต้องการ ลูกค้าในกลุ่ม Private Bank และ SCB FIRST เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง มีแนวโน้มการเติบโตดี แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มนี้อย่างแท้จริง ประกันแบบออมทรัพย์ทั่วไปในตลาดมักเน้นไปที่การประหยัดภาษีและมีเงินคืนระหว่างทาง แต่ความคุ้มครองต่ำเมื่อเทียบกับเบี้ยที่จ่ายไป ผลการสำรวจและวิจัยความต้องการของกลุ่มนี้พบว่า การส่งต่อความมั่งคั่งและอนาคตที่มั่นคงให้กับลูกหลาน เป็นปัจจัยที่สำคัญก่อนการใช้ชีวิตตามใจอย่างมีความสุข โดยไม่เป็นภาระของคนข้างหลัง ซึ่งประกันแบบใหม่ “ประกันเลือกได้... มรดกตามใจ” จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างลงตัว”
ด้าน นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCBLIFE กล่าวว่า “แบบประกันเลือกได้... มรดกตามใจ” เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางเลือกในการวางแผนมรดกรูปแบบใหม่ที่ผู้บริโภคมีอิสระในการเลือกได้ตามความต้องการ และให้ประโยชน์ที่คุ้มค่าแก่ทั้งผู้ให้ และผู้รับ เพราะโดดเด่นด้วยความคุ้มค่าในการชำระเบี้ยที่น้อยเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับ เพื่อเป็นมรดกให้ทายาทเต็ม 100% ซึ่งนอกจากจะช่วยให้หมดความกังวลเรื่องอนาคตของบุคคลอันเป็นที่รักแล้ว ผู้ให้ยังสามารถนำเงินส่วนต่างนั้นไปต่อยอดเติมเต็มความสุขได้ตามความพึงพอใจของตนเองอีกด้วย ด้านทายาทก็ไม่ต้องกังวลต่อเหตุการณ์ผันผวนในฐานะทางการเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินของผู้ให้ สามารถรับเงินสินไหมได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนศาลเหมือนเช่นมรดกทั่วไป และไม่มีภาระภาษีเหมือนเช่นสินทรัพย์อื่นๆ”
ตัวอย่างเช่น ลูกค้าเพศชาย อายุ 50 ปี ต้องการวางแผนมรดกให้กับทายาท 10 ล้านบาท ถ้าเป็นมรดกรูปแบบอื่นๆ ลูกค้าต้องกันเงินไว้ 10 ล้านบาทเต็มจำนวน หากเลือกวิธีวางแผนมรดกแบบใหม่กับ “ประกันเลือกได้ มรดกตามใจ 99/5” ที่ทุนประกันภัย 10 ล้านบาท ลูกค้าจะจ่ายเบี้ยประกันภัยรวม 5 ปี อยู่ที่ 5.40 ล้านบาท (ปีละ 1.08 ล้านบาท) โดยจะได้รับความคุ้มครองชีวิตเต็ม 100% ของทุนประกันภัยยาวนานตลอดชีวิตจนถึงอายุ 99 ปี ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ได้วางแผนเตรียมเงินมรดกไว้ให้แก่ทายาทผู้รับผลประโยชน์เต็มจำนวน 10 ล้านบาท สำหรับเงินส่วนต่างอีก 4.60 ล้านบาทนั้น ลูกค้ายังสามารถนำไปเติมเต็มความสุข ความฝันของตนเอง หรือจัดสรรไว้สำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นภาระของคนข้างหลัง
แบบประกันดังกล่าว ลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย 5 ปี หรือ 10 ปี โดยจะได้รับความคุ้มครองชีวิตยาวนานตลอดชีวิตถึงอายุ 99 ปี เต็มจำนวน 100% ของทุนประกันภัยตลอดสัญญา โดยทุนประกันภัยเริ่มต้นที่ 500,000 บาท และไม่จำกัดทุนประกันภัยสูงสุด ไม่ต้องตรวจสุขภาพสำหรับทุนประกันภัยรวมไม่เกินวงเงิน 4 ล้านบาทและอยู่ในเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด และยังได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท รับประกันภัยตั้งแต่อายุ 30-70 ปี
นายสมิทธ์ กล่าวปิดท้ายว่า จุดมุ่งหมายของธนาคารคือมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งประกันเลือกได้... มรดกตามใจ ตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้ากลุ่ม SCB FIRST และ Private Bank ในการส่งต่อความมั่งคั่งไปยังรุ่นต่อไปอย่างคุ้มค่า ซึ่งธนาคารหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777
ธนาคารไทยพาณิชย์ ผนึกกำลังกับ ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCBLIFE) ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ ส่งผลิตภัณฑ์น้องใหม่ “ประกันเลือกได้... มรดกตามใจ” ทางเลือกใหม่ในการวางแผนมรดกจับลูกค้ากลุ่มบน อาทิ นักธุรกิจ และผู้บริหาร พร้อมชู 5 จุดเด่นความคุ้มค่าโดนใจ อันได้แก่ ชำระเบี้ยประกันภัยน้อย แต่เป็นมรดกให้ทายาทเต็ม 100% เลือกระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยได้ 2 ระยะ ได้แก่ 5 ปี และ 10 ปี คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ลดหย่อนภาษีได้ และไม่ต้องตรวจสุขภาพคาดผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลภาพรวมตลาดประกันชีวิตครึ่งปีหลัง 2556 กลับมาคึกคัก
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายเงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรูปแบบใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้ากลุ่ม SCB FIRST และ Private Bank อาทิเช่น นักธุรกิจ ผู้บริหาร ที่ต้องการความคุ้มครองที่สูงกว่าประกันแบบออมทรัพย์ทั่วไปที่มีอยู่ในตลาด เพื่อเป็นการคุ้มครองธุรกิจและส่งต่อมรดกให้ลูกหลาน สำหรับ “ประกันเลือกได้... มรดกตามใจ” เป็นการสานต่อนวัตกรรมความสำเร็จและเติมเต็มประกันในกลุ่ม “ประกันเลือกได้” ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือก ระยะเวลาคุ้มครองและระยะเวลาการจ่ายเบี้ย ได้ตามต้องการ ลูกค้าในกลุ่ม Private Bank และ SCB FIRST เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง มีแนวโน้มการเติบโตดี แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มนี้อย่างแท้จริง ประกันแบบออมทรัพย์ทั่วไปในตลาดมักเน้นไปที่การประหยัดภาษีและมีเงินคืนระหว่างทาง แต่ความคุ้มครองต่ำเมื่อเทียบกับเบี้ยที่จ่ายไป ผลการสำรวจและวิจัยความต้องการของกลุ่มนี้พบว่า การส่งต่อความมั่งคั่งและอนาคตที่มั่นคงให้กับลูกหลาน เป็นปัจจัยที่สำคัญก่อนการใช้ชีวิตตามใจอย่างมีความสุข โดยไม่เป็นภาระของคนข้างหลัง ซึ่งประกันแบบใหม่ “ประกันเลือกได้... มรดกตามใจ” จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างลงตัว”
ด้าน นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCBLIFE กล่าวว่า “แบบประกันเลือกได้... มรดกตามใจ” เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางเลือกในการวางแผนมรดกรูปแบบใหม่ที่ผู้บริโภคมีอิสระในการเลือกได้ตามความต้องการ และให้ประโยชน์ที่คุ้มค่าแก่ทั้งผู้ให้ และผู้รับ เพราะโดดเด่นด้วยความคุ้มค่าในการชำระเบี้ยที่น้อยเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับ เพื่อเป็นมรดกให้ทายาทเต็ม 100% ซึ่งนอกจากจะช่วยให้หมดความกังวลเรื่องอนาคตของบุคคลอันเป็นที่รักแล้ว ผู้ให้ยังสามารถนำเงินส่วนต่างนั้นไปต่อยอดเติมเต็มความสุขได้ตามความพึงพอใจของตนเองอีกด้วย ด้านทายาทก็ไม่ต้องกังวลต่อเหตุการณ์ผันผวนในฐานะทางการเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินของผู้ให้ สามารถรับเงินสินไหมได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนศาลเหมือนเช่นมรดกทั่วไป และไม่มีภาระภาษีเหมือนเช่นสินทรัพย์อื่นๆ”
ตัวอย่างเช่น ลูกค้าเพศชาย อายุ 50 ปี ต้องการวางแผนมรดกให้กับทายาท 10 ล้านบาท ถ้าเป็นมรดกรูปแบบอื่นๆ ลูกค้าต้องกันเงินไว้ 10 ล้านบาทเต็มจำนวน หากเลือกวิธีวางแผนมรดกแบบใหม่กับ “ประกันเลือกได้ มรดกตามใจ 99/5” ที่ทุนประกันภัย 10 ล้านบาท ลูกค้าจะจ่ายเบี้ยประกันภัยรวม 5 ปี อยู่ที่ 5.40 ล้านบาท (ปีละ 1.08 ล้านบาท) โดยจะได้รับความคุ้มครองชีวิตเต็ม 100% ของทุนประกันภัยยาวนานตลอดชีวิตจนถึงอายุ 99 ปี ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ได้วางแผนเตรียมเงินมรดกไว้ให้แก่ทายาทผู้รับผลประโยชน์เต็มจำนวน 10 ล้านบาท สำหรับเงินส่วนต่างอีก 4.60 ล้านบาทนั้น ลูกค้ายังสามารถนำไปเติมเต็มความสุข ความฝันของตนเอง หรือจัดสรรไว้สำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นภาระของคนข้างหลัง
แบบประกันดังกล่าว ลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย 5 ปี หรือ 10 ปี โดยจะได้รับความคุ้มครองชีวิตยาวนานตลอดชีวิตถึงอายุ 99 ปี เต็มจำนวน 100% ของทุนประกันภัยตลอดสัญญา โดยทุนประกันภัยเริ่มต้นที่ 500,000 บาท และไม่จำกัดทุนประกันภัยสูงสุด ไม่ต้องตรวจสุขภาพสำหรับทุนประกันภัยรวมไม่เกินวงเงิน 4 ล้านบาทและอยู่ในเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด และยังได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท รับประกันภัยตั้งแต่อายุ 30-70 ปี
นายสมิทธ์ กล่าวปิดท้ายว่า จุดมุ่งหมายของธนาคารคือมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งประกันเลือกได้... มรดกตามใจ ตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้ากลุ่ม SCB FIRST และ Private Bank ในการส่งต่อความมั่งคั่งไปยังรุ่นต่อไปอย่างคุ้มค่า ซึ่งธนาคารหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ โทร. 02-777-7777
วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ไทยพาณิชย์โชว์กำไรสุทธิครึ่งปีโต29.7%
ธนาคารไทยพาณิชย์ โชว์กำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2.58 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากปีก่อน
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/2556 จำนวน 12,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% ซึ่งเป็นผลประกอบการที่อยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,800 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม เติบโตเป็น 29,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนกำไรสุทธิที่ดีมาจากการขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 18.1% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 20.0% ด้านคุณภาพของสินเชื่ออยู่ในระดับดี โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ยังคงที่ในระดับ 2.1%
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก ธนาคารมีกำไรสุทธิรวม 25,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรที่เติบโตสูงนี้ มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 19.8% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 20.8%
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า รายได้รวมและกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธนาคาร แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการที่เติบโตอย่างยั่งยืน และรูปแบบการดำเนินงานของธนาคารที่แข่งขันได้ดี ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจที่ธนาคารได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 18.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากสินเชื่อขยายตัว 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การขยายตัวไปในกลุ่มสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น รวมทั้งการเติบโตของการลงทุน นอกจากสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจแล้ว ธนาคารยังมีการเติบโตสูงกว่าตลาดโดยรวมอีกด้วย ซึ่งเกิดจากกลยุทธ์ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ(SME) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรถยนต์
เช่นเดียวกับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่เติบโต 18% รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้น 12.6% และรายได้จากธุรกรรมเพื่อการค้าและการปริวรรตเงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 67.6%
"การเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของธนาคารที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย มากกว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ"
อย่างไรก็ตาม ด้วยการดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 2 เพิ่มจาก 2,550 ล้านบาท เป็น 2,700 ล้านบาท นอกจากนี้ อัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารก็สูงถึง 144.9% ซึ่งเป็นระดับที่ถือว่าสูงในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจ
>>แหล่งที่มา<<
วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
บลจ.ไทยพาณิชย์ จ่ายปันผล 3 กองทุนอสังหาฯ รวม 687 ล้านบาท
บลจ.ไทยพาณิชย์ จ่ายปันผล 3 กองทุนอสังหาฯ CPNRF, POPF, CPNCG รวม 687 ล้านบาท เตรียมขอมติผู้ถือหน่วยเพิ่มทุน CPNRF ดึงเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ เข้าพอร์ต
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทฯ พร้อมกัน 3 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2556 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2556 คิดเป็นมูลค่าเงินปันผล รวมทั้งสิ้นประมาณ 687 ล้านบาท ในวันที่ 15 สิงหาคม 2556 ประกอบด้วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPN Retail Growth Leasehold Property Fund (CPNRF) ซึ่งลงทุนในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซารัชดา-พระราม3, พระราม 2 และปิ่นเกล้า ที่มีผลการดำเนินงานดีอย่างต่อเนื่อง โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.3167 บาทต่อหน่วย โดยที่ผ่านมาได้จ่ายเงินปันผลเป็นจำนวน 7.4412 บาทต่อหน่วยลงทุน (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 6 มีนาคม 2549)
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีการจ่ายปันผลกองทุนอสังหาฯ ประเภทอาคารสำนักงาน อีกจำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพรม์ออฟฟิศ หรือ Prime Office Leasehold Property Fund (POPF) ที่ลงทุนในอาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารยูบีซี 2 จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2527 บาทต่อหน่วย โดยที่ผ่านมาได้จ่ายเงินปันผลเป็นจำนวน 2.2179 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 7 กันยายน 2554) และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท หรือ CPN Commercial Growth Leasehold Property Fund (CPNCG) ที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1941 บาทต่อหน่วย ซึ่งที่ผ่านมาได้จ่ายเงินปันผลเป็นจำนวน 0.6248 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 14 กุมภาพันธ์ 2556)
นอกจากนี้ ในฐานะที่ บลจ.ไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดการกองทุน CPNRF บริษัทฯ ยังได้เตรียมจัดประชุม ผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 1/2556 ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 เวลา 9.00-11.00 น. ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เพื่อขอมติพิจารณาอนุมัติเพิ่มทุนกองทุน CPNRF เพื่อลงทุนในโครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เพิ่มเติมด้วย โดยข้อมูลราคาตลาดของกองทุน CPNRF ที่ปรากฏในตลาดหลักทรัพย์ ณ 16 กรกฎาคม 2556 มีมูลค่าราคาตลาด ประมาณ 29,126.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% นับจากมูลค่าราคาตลาด ณ วันที่มีการเพิ่มทุน ในปี 2552
>>แหล่งที่มา<<
วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะทยอยลงทุนกอง LTF รับตลาดหุ้นผันผวน
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผย ว่า ปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจในการเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุน ที่รอจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ถึงแม้ว่าปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ระดับ 1,400 จุด มี PE ประมาณ 12.5 เท่าของกำไรในปี 2556 ซึ่งดูเหมือนยังสูงอยู่เมื่อเทียบกับในอดีตดัชนี ตลาดหลักทรัพย์มี PE เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ประมาณ 11.5 เท่า แต่เนื่องจากปัจจุบันมีความแตกต่าง จากอดีตที่ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง อีกทั้งแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยรวมในปัจจุบันสูงกว่าในอดีตอยู่พอสมควร
ทั้งนี้นโยบายการบริหารกองทุนของ บลจ.ไทยพาณิชย์จะเน้นการลงทุนในหุ้นที่ PE ไม่สูงมากเพราะใน อนาคตเศรษฐกิจจะมีความผันผวนกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นหุ้นที่มีผลดำเนินงานที่ดีอย่าง สม่ำเสมอจะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นที่เน้นการเติบโตจากโครงการในอนาคต อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ยังต้องจับตามอง
คือเรื่องการเมืองภายในประเทศ ทั้งเรื่องของการจำนำข้าว นโยบายการจัดการน้ำและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการตัดสินคดีเขาพระวิหารทีจะเกิดขึ้น ในไตรมาสที่ 3 นี้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนที่มีการเติบโตที่ลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยและทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลงมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นได้
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนควรแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ เพื่อทยอยเข้าซื้อกองทุนอย่าง เพราะมีโอกาสเป็นไปได้ที่ในอีก 1 ถึง 2 เดือนข้างหน้า ราคาหุ้นยังมีความผันผวนต่อเนื่อง โดย กองทุน LTF ของทาง บลจ.ไทยพาณิชย์ที่น่าสนใจ แบ่งเป็น 2 แบบ คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะ ยาวพลัส (SCBLT2) ที่เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ ราคาต่ำกว่ามูลค่า และมีการเติบโต อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน อยู่ที่ 137.34% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิ.ย. 56)
นอกจากนี้ยังมีกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ (SCBLT3) ที่เน้นการลงทุนในหุ้นที่มี การเติบโตสูง ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดีมากในช่วงเวลาที่ตลาดปรับตัวขึ้น แต่จะมีความผันผวนของราคาอยู่พอสมควรในช่วงของการทยอยสะสม โดยกองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน อยู่ที่ 145% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิ.ย. 56)
พร้อมกันนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ยังได้มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับกองทุนรวม LTF สำหรับผลการดำเนิน งานระหว่างวันที่ 1 ก.ค. 2555 - 25 มิ.ย. 2556 จำนวน 2 กองทุน คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ปันผล 70/30 (SCBLT1) ในอัตรา 0.1200 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ทาร์เก็ต (SCBLTT) ในอัตรา 0.1400 บาทต่อหน่วย โดยจ่ายให้ผู้ถือหน่วยไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2556 ที่ผ่านมาด้วย
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) รายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 10 กรกฎาคม 2013
ทั้งนี้ กนง. มองว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันยังเหมาะสม โดย กนง. มองว่าการชะลอตัวของการใช้จ่ายในประเทศในช่วงที่ผ่านมาเป็นการกลับมาขยายตัวในระดับปกติ หลังจากที่เร่งตัวมากในช่วงก่อนหน้าจากแรงกระตุ้นภาครัฐ โดยปัจจัยสนับสนุนคือการจ้างงานและรายได้ของประชาชนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย จากสินเชื่อที่ยังขยายตัวสูงและมีการขาดดุลการคลังต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี EIC มองว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงชะลอตัวเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง การชะลอตัวของการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคในช่วงที่ผ่านมาส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสิ้นสุดนโยบายกระตุ้นของภาครัฐ แต่อีกส่วนหนึ่งที่น่ากังวลและเป็นสัญญาณการชะลอตัวคือ การใช้จ่ายในสินค้าประเภทอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าไม่คงทน เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ในครัวเรือน ที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 1 ประกอบกับการเติบโตของสินเชื่อเพื่อการบริโภคนอกเหนือจากการซื้อรถยนต์และที่อยู่อาศัยที่เริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี
นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐยังมีความเสี่ยงที่จะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เดิม อีกทั้งการส่งออกในปีนี้น่าจะชะลอตัวลงกว่าที่คาดไว้
EIC ระบุว่า การดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งอาจรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม สามารถทำได้ในภาวะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะช่วยรักษาแรงส่งจากการใช้จ่ายในประเทศไม่ให้ชะลอตัวมากเกินไป ในขณะที่การลงทุนภาครัฐประสบข้อจำกัดและเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่กนง.ได้แสดงความกังวลทั้งในด้านความผันผวนในตลาดเงินและความเสี่ยงของเงินทุนไหลออก รวมไปถึงหนี้ภาคครัวเรือน อาจเป็นข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายดังกล่าว
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผย ว่า ปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจในการเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุน ที่รอจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ถึงแม้ว่าปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ระดับ 1,400 จุด มี PE ประมาณ 12.5 เท่าของกำไรในปี 2556 ซึ่งดูเหมือนยังสูงอยู่เมื่อเทียบกับในอดีตดัชนี ตลาดหลักทรัพย์มี PE เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ประมาณ 11.5 เท่า แต่เนื่องจากปัจจุบันมีความแตกต่าง จากอดีตที่ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง อีกทั้งแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยรวมในปัจจุบันสูงกว่าในอดีตอยู่พอสมควร
ทั้งนี้นโยบายการบริหารกองทุนของ บลจ.ไทยพาณิชย์จะเน้นการลงทุนในหุ้นที่ PE ไม่สูงมากเพราะใน อนาคตเศรษฐกิจจะมีความผันผวนกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นหุ้นที่มีผลดำเนินงานที่ดีอย่าง สม่ำเสมอจะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นที่เน้นการเติบโตจากโครงการในอนาคต อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ยังต้องจับตามอง
คือเรื่องการเมืองภายในประเทศ ทั้งเรื่องของการจำนำข้าว นโยบายการจัดการน้ำและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการตัดสินคดีเขาพระวิหารทีจะเกิดขึ้น ในไตรมาสที่ 3 นี้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนที่มีการเติบโตที่ลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยและทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลงมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นได้
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนควรแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ เพื่อทยอยเข้าซื้อกองทุนอย่าง เพราะมีโอกาสเป็นไปได้ที่ในอีก 1 ถึง 2 เดือนข้างหน้า ราคาหุ้นยังมีความผันผวนต่อเนื่อง โดย กองทุน LTF ของทาง บลจ.ไทยพาณิชย์ที่น่าสนใจ แบ่งเป็น 2 แบบ คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะ ยาวพลัส (SCBLT2) ที่เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ ราคาต่ำกว่ามูลค่า และมีการเติบโต อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน อยู่ที่ 137.34% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิ.ย. 56)
นอกจากนี้ยังมีกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ (SCBLT3) ที่เน้นการลงทุนในหุ้นที่มี การเติบโตสูง ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดีมากในช่วงเวลาที่ตลาดปรับตัวขึ้น แต่จะมีความผันผวนของราคาอยู่พอสมควรในช่วงของการทยอยสะสม โดยกองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน อยู่ที่ 145% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิ.ย. 56)
พร้อมกันนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ยังได้มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับกองทุนรวม LTF สำหรับผลการดำเนิน งานระหว่างวันที่ 1 ก.ค. 2555 - 25 มิ.ย. 2556 จำนวน 2 กองทุน คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ปันผล 70/30 (SCBLT1) ในอัตรา 0.1200 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ทาร์เก็ต (SCBLTT) ในอัตรา 0.1400 บาทต่อหน่วย โดยจ่ายให้ผู้ถือหน่วยไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2556 ที่ผ่านมาด้วย
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) รายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 10 กรกฎาคม 2013
ทั้งนี้ กนง. มองว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันยังเหมาะสม โดย กนง. มองว่าการชะลอตัวของการใช้จ่ายในประเทศในช่วงที่ผ่านมาเป็นการกลับมาขยายตัวในระดับปกติ หลังจากที่เร่งตัวมากในช่วงก่อนหน้าจากแรงกระตุ้นภาครัฐ โดยปัจจัยสนับสนุนคือการจ้างงานและรายได้ของประชาชนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย จากสินเชื่อที่ยังขยายตัวสูงและมีการขาดดุลการคลังต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี EIC มองว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงชะลอตัวเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง การชะลอตัวของการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคในช่วงที่ผ่านมาส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสิ้นสุดนโยบายกระตุ้นของภาครัฐ แต่อีกส่วนหนึ่งที่น่ากังวลและเป็นสัญญาณการชะลอตัวคือ การใช้จ่ายในสินค้าประเภทอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าไม่คงทน เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ในครัวเรือน ที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 1 ประกอบกับการเติบโตของสินเชื่อเพื่อการบริโภคนอกเหนือจากการซื้อรถยนต์และที่อยู่อาศัยที่เริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี
นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐยังมีความเสี่ยงที่จะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เดิม อีกทั้งการส่งออกในปีนี้น่าจะชะลอตัวลงกว่าที่คาดไว้
EIC ระบุว่า การดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งอาจรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม สามารถทำได้ในภาวะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะช่วยรักษาแรงส่งจากการใช้จ่ายในประเทศไม่ให้ชะลอตัวมากเกินไป ในขณะที่การลงทุนภาครัฐประสบข้อจำกัดและเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่กนง.ได้แสดงความกังวลทั้งในด้านความผันผวนในตลาดเงินและความเสี่ยงของเงินทุนไหลออก รวมไปถึงหนี้ภาคครัวเรือน อาจเป็นข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายดังกล่าว
วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
SCB ชวนกันทำดี ปลูกป่า ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.อยุธยา
คณะผู้บริหารและพนักงาน สำนักงานเขตพื้นที่ บางปะอิน (อยุธยา) ร่วมกันขยายผลโครงการ “SCB ชวนกันทำดี ปลูกป่า ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 โดยคณะพนักงานจิตอาสาธนาคารกว่า 120 คน ได้ลงมือปลูกต้นราชพฤกษ์ ต้นมะฮอกกะนี ต้นอินทนิลน้ำ จำนวนกว่า 300 ต้น ในบริเวณพื้นที่โดยรอบสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.อยุธยา ซึ่งสำนักงานเขตฯ ได้ร่วมกับเทศบาลพระนครพระนครศรีอยุธยา ริเริ่มไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 แต่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ ทำให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้ล้มตายเป็นจำนวนมาก จิตอาสาธนาคารจึงได้สานต่อโครงการอีกเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ เพื่อช่วยกันฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในชุมชน โดยเหล่าจิตอาสาได้ร่วมแรงร่วมใจกันในกิจกรรมทำดีที่ได้ประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคมส่วนรวมอย่างเข้มแข็งและน่ายกย่อง
>>แหล่งที่มา<<
คณะผู้บริหารและพนักงาน สำนักงานเขตพื้นที่ บางปะอิน (อยุธยา) ร่วมกันขยายผลโครงการ “SCB ชวนกันทำดี ปลูกป่า ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 โดยคณะพนักงานจิตอาสาธนาคารกว่า 120 คน ได้ลงมือปลูกต้นราชพฤกษ์ ต้นมะฮอกกะนี ต้นอินทนิลน้ำ จำนวนกว่า 300 ต้น ในบริเวณพื้นที่โดยรอบสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.อยุธยา ซึ่งสำนักงานเขตฯ ได้ร่วมกับเทศบาลพระนครพระนครศรีอยุธยา ริเริ่มไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 แต่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ ทำให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้ล้มตายเป็นจำนวนมาก จิตอาสาธนาคารจึงได้สานต่อโครงการอีกเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ เพื่อช่วยกันฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในชุมชน โดยเหล่าจิตอาสาได้ร่วมแรงร่วมใจกันในกิจกรรมทำดีที่ได้ประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคมส่วนรวมอย่างเข้มแข็งและน่ายกย่อง
>>แหล่งที่มา<<
วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ธนาคารไทยพาณิชย์สนับสนุนการดำเนินงานด้านกิจการนักศึกษา ม. เชียงใหม่
ธนาคารไทยพาณิชย์ มอบเงินสนับสนุนจำนวน 3 ล้านบาท ให้แก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินงานด้านกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัย และส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเยาวชน โดยมี คุณบุญสร้าง นากดี (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการเขตพื้นที่ ท่าแพ เป็นผู้แทนธนาคารในการส่งมอบ และรองศาสตราจารย์ นพ.นิเวศน์ นันทจิต (ที่ 4 จากซ้าย) อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
>>แหล่งที่มา<<
ธนาคารไทยพาณิชย์ มอบเงินสนับสนุนจำนวน 3 ล้านบาท ให้แก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินงานด้านกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัย และส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเยาวชน โดยมี คุณบุญสร้าง นากดี (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการเขตพื้นที่ ท่าแพ เป็นผู้แทนธนาคารในการส่งมอบ และรองศาสตราจารย์ นพ.นิเวศน์ นันทจิต (ที่ 4 จากซ้าย) อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
>>แหล่งที่มา<<
วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ คริสตัล รีเทล โกรท เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันแรก
กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมแสดงความยินดีกับ บริษัท เค.อี.รีเทล จำกัด ในโอกาสกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ คริสตัล รีเทล โกรท เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันแรก โดยมี นายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.รีเทล จำกัด นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส นางสาววรดา ตั้งสืบกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายวาณิชธนกิจ 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ และ นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด ร่วมในงาน เมื่อเร็วๆ นี้
>>แหล่งที่มา<<
กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมแสดงความยินดีกับ บริษัท เค.อี.รีเทล จำกัด ในโอกาสกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ คริสตัล รีเทล โกรท เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันแรก โดยมี นายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.รีเทล จำกัด นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส นางสาววรดา ตั้งสืบกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายวาณิชธนกิจ 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ และ นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด ร่วมในงาน เมื่อเร็วๆ นี้
>>แหล่งที่มา<<
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)