ธนาคารไทยพาณิชย์จับมือพันธมิตรร้านสะดวกซื้อ แฟมิลี่มาร์ทเปิดบริการชำระบิลที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทผ่านทางระบบธนาคารไทยพาณิชย์เป็นครั้งแรก เพื่อขยายช่องทาง และรองรับความต้องการในการชำระบิลของลูกค้าผ่านทางร้านแฟมิลี่มาร์ทกว่า 900 สาขาทั่วประเทศ พร้อมสานต่อแนวคิดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Focus) หวังแบ่งตลาดชำระบิล 10%
นายไตรรงค์ บุตรากาศ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย GTS ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “พฤติกรรมการชำระบิลของลูกค้าเปลี่ยนไปจากเดิมที่ในอดีตต้องชำระเงินผ่านทางธนาคารเท่านั้น ต่างกับปัจจุบันที่มียอดการชำระค่าสินค้าและบริการของผู้บริโภคผ่านทางบริการชำระบิลในตลาดค้าปลีกมีสัดส่วนกว่า 60% ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ธนาคารจึงเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจการชำระบิลในตลาดค้าปลีก จึงได้ร่วมมือกับ แฟมิลี่มาร์ท พัฒนาระบบการชำระค่าสินค้า และบริการที่หลากหลาย ครอบคลุมสินค้าและบริการกว่า 100ประเภท พร้อมขยายช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการชำระบิลของสินค้า และบริการที่ร่วมโครงการได้ที่สาขาแฟมิลี่มาร์ท กว่า 900สาขา ทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิผลในด้าน การเก็บเงินจากลูกค้าให้มีความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าสามารถชำระเงินได้หลายแห่ง”
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานบริหาร บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด กล่าวว่า “ทางแฟมิลี่มาร์ท ได้รับการติดต่อจากทางธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อมาจัดทำโครงการร่วมกัน ซึ่งทางแฟมิลี่มาร์ทเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมาก ตอบโจทย์ให้แก่ทุกฝ่ายทั้งแฟมิลี่มาร์ท ธนาคาร และที่สำคัญที่สุดคือลูกค้า จากนั้นได้มีการพัฒนาระบบเรื่อยมา จนกระทั่งได้มีการเปิดบริการอย่างเป็นทางการในวันนี้ ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการดังกล่าวได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ณ ร้านแฟมิลี่มาร์ททุกสาขา ที่มีป้ายโลโก้ จ่ายบิล ผ่านไทยพาณิชย์ด้านหน้าร้าน โดยขณะนี้ได้เปิดให้บริการรับชำระบิล ได้กว่า 900 สาขา ทั่วประเทศ และสามารถจ่ายบิลได้ทุกวัน แฟมิลี่มาร์ท และธนาคารไทยพาณิชย์มีความพร้อมที่จะให้บริการรับชำระบิลที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทผ่านระบบของไทยพาณิชย์ ซึ่งลูกค้าผู้ใช้บริการจะเชื่อมั่นได้ว่าปลอดภัย และเชื่อถือได้แน่นอน แฟมิลี่มาร์ทคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีขยายสาขาร้านแฟมิลี่มาร์ทได้ถึง 1,000 สาขา และในปี 2560 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 สาขา ทั่วประเทศ”
ลูกค้าสามารถนำใบแจ้งหนี้ไปชำระเงินได้ที่ร้านแฟมิลี่มาร์ท ที่มีป้ายโลโก้ จ่ายบิล ผ่านไทยพาณิชย์ ซึ่งบริการของบริษัท หรือ billers ที่เข้าร่วมโครงการ อาทิเช่น การประปา , การไฟฟ้า, กลุ่ม True, AIS, บัตรเครดิตไทยพาณิชย์, อิออน ธนสินทรัพย์, ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต, โตโยต้าลิสซิ่ง, เมืองไทยประกันชีวิต,กรุงเทพประกันชีวิต และอีกหลายราย เมื่อทำรายการเสร็จ ลูกค้าก็จะได้รับหลักฐานการชำระเงินจากพนักงานร้านแฟมิลี่มาร์ท โดยสามารถเก็บเป็นหลักฐานไว้สำหรับตรวจสอบรายการในภายหลังได้
นายไตรรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ธนาคารหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกับแฟมิลี่มาร์ทเปิดตัวบริการชำระบิลที่สาขาแฟมิลี่มาร์ทผ่านทางระบบธนาคารไทยพาณิชย์เป็นครั้งแรกนี้จะเป็นอีกก้าวย่างหนึ่ง ในการเพิ่มช่องทางการให้บริการของธนาคารในการชำระค่าสินค้าและบริการ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ธนาคารคาดว่าภายใน 3 ปีนี้ จะได้รับส่วนแบ่งทางการตลาด 10% ของตลาดบริการชำระบิลในร้านค้าปลีก จากความร่วมมือในครั้งนี้”
บิ๊กแบงก์ไทยพาณิชย์ ชี้เศรษฐกิจไทย-ค่าเงินยังผันผวน หลังเฟดคง QE เตือนผู้ประกอบซื้อความเสี่ยง พร้อมคุมเข้มปล่อยกู้ต่อเนื่อง แต่ยังมั่นใจปล่อยกู้ได้ตามเป้า
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจของไทยที่มีความผันผวนอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นผลมาจากเงินทุนจากต่างประเทศที่เคลื่อนย้ายออกจากประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ด้วย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศคงมาตรการ QE ไว้ก่อน และยังไม่มีข้อสรุปว่าจะลดวงเงิน QE ในช่วงไหน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่้งผลต่อค่าเงินบาทให้มีความผันผวนตามไปด้วย
ดังนั้น ผู้ที่ดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศก็จะต้องระมัดระวังในเรื่องดังกล่าว และควรป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่งออก หรือนำเข้า ซึ่งที่ผ่านมา มักจะมีแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่นิยมป้องกันความเสี่ยง แต่ปัจจุบัน ก็มีธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก เริ่มเห็นความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยสำคัญ
“เรื่องการซื้อประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก่อนนี้จะแต่บริษัทใหญ่ๆ ทำ แต่เดี๋ยวนี้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มมีความรู้ความเข้าใจ และเข้ามาทำมากขึ้น ซึ่งเรื่องเป็นที่ดี และธนาคารก็แนะนำมาตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าเงินผันผวนมากๆ”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีการเติบโตช้าลงตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แต่ภาคการเงินยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ยังการเติบโตของสินเชื่อถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะชะลอลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ดี ไม่น่าเป็นห่วง โดยสินเชื่อของธนาคารน่าจะมีการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“สินเชื่อของธนาคารก็ยังขยายได้ดี เพราะยังมีการขยายธุรกิจในหลายด้าน แม้ว่าเศรษฐกิจช้าลงบ้าง ก็ถือว่าเป็นการปรับตัวมากกว่า แต่หากลูกค้ามีปัญหา ธนาคารก็พร้อมช่วยเหลือ และติดตามดูอยู่ตลอด เพราะเรามีสาขามาก ดูแลได้ทั่วถึง ที่สำคัญคือ ต้องเข้าช่วยเหลือลูกค้าตั้งแต่ตอนต้น ไม่รอให้เกิดปัญหาจนแก้ไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ธนาคารยังคงกังวลมากที่สุด คือ การใช้เงินผิดประเภทของลูกค้า เป็นปัจจัยที่เสี่ยงที่สุดในการทำให้เกิดหนี้เสียในระบบ ทางธนาคารมีการเข้มงวดมาโดยตลอดในเรื่องการคัดกรองคำขอสินเชื่อ และในปัจจุบัน ก็มีความเข้มงวดมากขึ้น และเริ่มทำมานานพอสมควรแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากมาทำในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้ถือว่าช้าเกินไป
ส่วนงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีในระยะยาว เพราะเป็นโครงการที่จะช่วยสร้างรากฐานของเศรษฐกิจ ถึงแม้จะใช้ระยะเวลานาน แต่ผลตอบแทนที่จะได้รับคุ้มค่า และจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาของประเทศได้ในหลายๆ ทาง
“เรื่องการซื้อประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก่อนนี้จะแต่บริษัทใหญ่ๆ ทำ แต่เดี๋ยวนี้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มมีความรู้ความเข้าใจ และเข้ามาทำมากขึ้น ซึ่งเรื่องเป็นที่ดี และธนาคารก็แนะนำมาตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าเงินผันผวนมากๆ”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีการเติบโตช้าลงตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แต่ภาคการเงินยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ยังการเติบโตของสินเชื่อถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะชะลอลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ดี ไม่น่าเป็นห่วง โดยสินเชื่อของธนาคารน่าจะมีการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“สินเชื่อของธนาคารก็ยังขยายได้ดี เพราะยังมีการขยายธุรกิจในหลายด้าน แม้ว่าเศรษฐกิจช้าลงบ้าง ก็ถือว่าเป็นการปรับตัวมากกว่า แต่หากลูกค้ามีปัญหา ธนาคารก็พร้อมช่วยเหลือ และติดตามดูอยู่ตลอด เพราะเรามีสาขามาก ดูแลได้ทั่วถึง ที่สำคัญคือ ต้องเข้าช่วยเหลือลูกค้าตั้งแต่ตอนต้น ไม่รอให้เกิดปัญหาจนแก้ไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ธนาคารยังคงกังวลมากที่สุด คือ การใช้เงินผิดประเภทของลูกค้า เป็นปัจจัยที่เสี่ยงที่สุดในการทำให้เกิดหนี้เสียในระบบ ทางธนาคารมีการเข้มงวดมาโดยตลอดในเรื่องการคัดกรองคำขอสินเชื่อ และในปัจจุบัน ก็มีความเข้มงวดมากขึ้น และเริ่มทำมานานพอสมควรแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากมาทำในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้ถือว่าช้าเกินไป
ส่วนงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีในระยะยาว เพราะเป็นโครงการที่จะช่วยสร้างรากฐานของเศรษฐกิจ ถึงแม้จะใช้ระยะเวลานาน แต่ผลตอบแทนที่จะได้รับคุ้มค่า และจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาของประเทศได้ในหลายๆ ทาง
มีเรื่องมากมายที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเจ้ามือรับแทงประเภทต่างๆ การเดิมพันกีฬาไม่เพียง แต่คุณจะได้รับอะดรีนาลีนมากมาย แต่ยังบ่อยครั้งที่คุณได้รับเงินที่ดี แม้จะมีผู้นำที่ชัดเจนจำนวนมากซึ่งมีชื่ออยู่บนริมฝีปากของทุกคน แต่ฉันก็สังเกตเห็นแหล่งข้อมูลอื่นด้วยตัวเอง - sboibc หากคุณไม่มีประสบการณ์ในการเดิมพันกีฬามากนักคุณไม่ควรใช้เงินเป็นจำนวนมากในทันทีลองเดิมพันเล็กน้อยเพื่อเริ่มอุ่นเครื่องความตื่นเต้น เมื่อคุณได้รับประสบการณ์ในธุรกิจนี้แล้วตัดสินใจว่าคุณควรรับความเสี่ยงหรือไม่ สิ่งสำคัญในกรณีนี้คือไม่ต้องรีบร้อน
ตอบลบ